โครงงานวิทยาศาสตร์
เรื่อง น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่
จัดทำโดย
เด็กหญิงกัญญาพัชร จำปาทิพย์ เลขที่
2
เด็กหญิงธนพรรณ สอนราช
เลขที่
14
เด็กหญิงธัญพิชชา สีสา เลขที่
15
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของโครงงานวิทยาศาสตร์
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต
39 จังหวัดอุตรดิตถ์
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
ในปัจจุบันน้ำยาล้างจานเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ใช้ทำความสะอาดภาชนะภายในห้องครัวไม่ว่าจะเป็น
ช้อน ส้อม แก้วน้ำ มีด จาน ถ้วย
และภาชนะต่างๆอีกมากมายภายในห้องครัวน้ำยาล้างจานเป็นสารเคมีที่ใช้ขจัดคราบสิ่งสกปรกออกจากภาชนะหลังจากที่เราได้รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นมื้อใดก็ตามซึ่งน้ำยาล้างจานมีส่วนผสมในการช่วยลดแรงตึงผิวของคราบสกปรกต่างๆที่อยู่บนภาชนะเครื่องครัวมีการระคายเคืองต่ำประโยชน์ของน้ำยาล้างจานสามารถใช้ล้างคราบหรือสิ่งสกปรกออกจากภาชนะได้ซึ่งจะเกิดฟองที่ช่วยในการทำความสะอาดให้ภาชนะมีความสะอาดมากยิ่งขึ้นและเราสามารถนำความรู้เรื่องน้ำยาล้างจานไปบอกต่อให้ผู้อื่นได้ทราบได้เช่นเดียวกัน
เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันมีการใช้ค่าใช้จ่ายในเรื่องเศรษฐกิจมากดังนั้นเราจึงควรประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวของเราเองโดยการผลิตน้ำยาล้างจานมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันสามารถเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วยกลุ่มของพวกเราจึงได้จัดทำโครงงานเรื่อง
น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเราและเราสามารถต่อยอดการทำน้ำยาล้างจานได้โดยการนำไปผลิตขายซึ่งจะได้สร้างรายได้และสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ได้เช่นกัน
ดังนั้นเราหวังว่าโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง
น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่จะเป็นความรู้แก่ผู้ที่สนใจที่จะสร้างรายได้ทุกๆคน
1.2 วัสดุอุปกรณ์
1. หัวเชื้อน้ำยาล้างจาน(N70) 800 มิลลิลิตร
2. เกลือ 3 ช้อนชา
3. กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ 1 ขวด
4. น้ำขี้เถ้า 2 ลิตร
5.ถัง 1 ใบ
6. บีกเกอร์ขนาด 600มิลลิลิตรและขนาด 250 มิลลิลิตร
7.ไม้คน,ไม้พาย
1.3 ขอบเขตการศึกษา
1.3.1
ขอบเขตด้านเนื้อหา
1. เติมหัวเชื้อแชมพูออยล์ (N70)
ลงในถัง
2.ใส่เกลือ 3
ช้อนลงไปในถังแล้วคนไปในทางเดียวกัน
3.เทน้ำขี้เถ้าลงไปในบีกเกอร์ปริมาณ 2
ลิตร
4.ใส่กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ปริมาณ
1 ขวด ลงในบีกเกอร์
5. เทน้ำขี้เถ้าปริมาณ 2 ลิตร
และกลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ปริมาณ 1 ขวด ลงในถังคนไปในทางเดียวกันแล้วทิ้งไว้
1 คืน
6.จากนั้นนำไปใช้ล้างจานและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ
1.3.2 ขอบเขตด้านสถานที่
- ห้อง 331และ ห้อง 433
1.4
สมมติฐาน
น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่สามารถทำได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงได้หรือไม่
1.5
ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น - น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่
ตัวแปรตาม - ผลของการทำน้ำยาล้างจาน
ตัวแปรควบคุม -ระยะเวลาในการทำโครงงานภายในเวลา 1 ชั่วโมง
1.6
นิยามเชิงปฏิบัติการ
- น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่สามารถทำได้ภายในเวลา 1
ชั่วโมงได้หรือไม่
คำศัพท์เฉพาะ
หัวเชื้อน้ำยาล้างจาน(N70) หมายถึง ชื่อการค้าของสารชำระล้างชนิดหนึ่งชื่อ Sodium Lauryl Ether Sulfate มีความเข้มข้น70
เปอร์เซ็นต์ เป็นสารชำระล้าง
มีราคาถูกที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ชำระล้างแทบทุกชนิด มีตัวเจือจางกลุ่มเดียวกัน ได้แก่ Terapon N 8000 มีความเข้มข้น 28 เปอร์เซ็นต์ เป็นสารประเภทลดแรงตึงผิวมีประจุลบ
มีคุณสมบัติในการกำจัดสิ่งสกปรกดี
บทที่2
เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่
2.1) น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่
1)น้ำยาล้างจาน
คือสารชำระล้าง (detergent) ที่ใช้ช่วยในการล้างจาน มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ที่มีการระคายเคืองต่ำ
ประโยชน์หลักของน้ำยาล้างจานคือใช้ล้างภาชนะและเครื่องครัวด้วยมือหลังจากประกอบหรือรับประทานอาหารแล้ว น้ำยาล้างจานทำให้สิ่งสกปรกและไขมันหลุดจากภาชนะและรวมตัวเป็นอีมัลชัน (emulsion) อยู่ในน้ำหรือฟอง (foam) เนื่องจากโมเลกุลของน้ำยาล้างจานประกอบด้วยส่วนที่มีขั้วและไม่มีขั้วเช่นเดียวกับผงซักฟอก ส่วนที่มีขั้วจะจับกับโมเลกุลของน้ำ
และส่วนที่ไม่มีขั้วจะจับกับสิ่งสกปรกให้หลุดออก ในสมัยก่อนมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น สบู่ล้างจาน หรือ ครีมล้างจานเนื่องจากเคยผลิตในรูปของสบู่และครีมมาก่อน ปัจจุบันน้ำยาล้างจานมีส่วนผสมอื่นรวมอยู่ด้วย
เช่น น้ำมะนาวหรือชา ซึ่งเชื่อว่าเป็นการช่วยให้ภาชนะสะอาดมากขึ้นและถนอมมือมากกว่าเดิม
2)ส่วนประกอบของน้ำยาล้างจาน
ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจาน หรือที่นิยมเรียกกันว่า
น้ำยาล้างจาน มีสารเคมีประเภท สารลดแรงตึงผิว(Surfactant) เป็นส่วนประกอบหลัก(สารออกฤทธิ์)สารลดแรงตึงผิว กลุ่มที่มีประจุลบ ( Anionic Surfactant ) ผลิตภัณฑ์ล้างจานบางยี่ห้อ จะนำ สารลดแรงตึงผิวชนิดอื่น (ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง หรือ มีอันตรายต่ำ) มาใช้ร่วมด้วยในปริมาณเล็กน้อย เช่น ใช้ Cocamidopropylbetaine ( สารลดแรงตึงผิวกลุ่มที่มีทั้งประจุลบและประจุบวก ; Amphoteric Surfactant ) และ / หรือ Ethoxylated Alcohol , Alkyl glucoside , Alkyl polyglucoside ( สารลดแรงตึงผิวกลุ่มที่ไม่มีประจุ ; Nonionic Surfactant )
2.2) 1) หัวเชื้อน้ำยาล้างจาน (N70)
คือ ชื่อการค้าของสารชำระล้างชนิดหนึ่งชื่อ
Sodium Lauryl Ether Sulfate มีความเข้มข้น70 เปอร์เซ็นต์ เป็นสารชำระล้าง
มีราคาถูกที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ชำระล้างแทบทุกชนิด มีตัวเจือจางกลุ่มเดียวกัน ได้แก่ Terapon
N 8000 มีความเข้มข้น 28 เปอร์เซ็นต์
เป็นสารประเภทลดแรงตึงผิวมีประจุลบ มีคุณสมบัติในการกำจัดสิ่งสกปรกดี ปัจจุบันมีรายงานเกี่ยวกับการก่อการระคายเคือง
ตลอดจนการเป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง หากผสมกับสารอื่นๆ ในสูตรเคมี ที่ก่อไนโตรเจน
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องมีความรู้ในสารเคมีแต่ละชนิดที่จะนำมาใช้อย่างถูกต้องและมีความรอบคอบในการตั้งตำรับ
และผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสม่ำเสมอ
และความแม่นยำของน้ำหนักสารแต่ละตัวในสูตรสำหรับส่วนประกอบของ N-70 ของ cognisก็มี SLES เป็น active
ingredient ประมาณ 70% (N-70) ส่วนอีก 30
% ที่เหลือ ก็จะน้ำ กับ Impurities อื่นๆ เช่น Sodium Chloride (NaCl), Sodium Sulfate (Na2SO4) เป็นต้น
2) น้ำขี้เถ้า(น้ำด่าง)
วิธีการทำน้ำด่างจากขี้เถ้า
1.นำไม้ไปเผาให้เป็นขี้เถ้า
แล้วนำขี้เถ้าที่ได้ใส่ในหม้อดินหรือไห
2.เทน้ำใส่พอท่วมคนประมาณ
5-10 รอบตั้งทิ้งไว้ 12 ชั่วโมงหรือ 1 วัน
3. กรองเอาน้ำใสๆ
แล้วตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอนแล้วกรองอีกรอบหนึ่ง
จากนั้นนำน้ำที่ได้ใส่ในขวดแก้วเก็บไว้เพื่อใช้
3) กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่
4)เกลือ
คือ เม็ดที่ได้จากการตกผลึกของน้ำในมหาสมุทรไปด้วยคุณค่าและคุณภาพ
ที่คุณอาจเข้าใจถึงความเค็มเข้มดั่งเม็ดเกลือ
รุ่งเช้าได้ไปถ่ายรูปลุงจวนกำลังลากลูกกลิ้งปรับพื้นนา อธิบายให้ฟังว่า
การทำเกลือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกลือแม่กลองเป็นที่ดีที่สุด เพราะเป็นเกลือสมุทร
คือเส้นทางสายน้ำจากทะเลสู่...นา จะไหลผ่านแพรกคลองที่ปกคลุมไปด้วยต้นจาก ป่าแสม
ป่าโกงกาง ไม่มีโรงงาน ไม่มีหมู่บ้านจัดสรร ที่ส่งผลเทน้ำเสียลงท่องสู่ทะเล
จึงทำให้ได้น้ำดีที่มีคุณภาพในการผลิต
โดยสังเกตง่ายๆมองไปกลางนาเวลาที่เกลือที่ตกผลึก จะเป็นสีขาวเป็นเกล็ดเงาคริสตอล
เรียกว่าดอกเกลือ การทำต้องใช้เวลาหลายขั้นตอน
เริ่มต้นครั้งแรกต้องคาดชักลากชักจูงเหมือนไถนาข้าว เพื่อให้ดินมันฟู
และดูแลการเก็บวัสดุธรรมชาติที่ไม่ใช่ดินเอาออกไป ที่สำคัญจะต้องแทงขาเสียก่อน
พอสรุปตีความได้ว่า คล้ายกับการทำคันดินให้สูง เพื่อเป็นทางน้ำเดินในนาและป้องกันน้ำเอ่อล้น
อีกทั้งใช้เป็นคันดินเดินเวลาหาบเกลือได้ด้วย แล้วจึงจะละเลงดินเลนให้เรียบเสมอ
แล้วก็ตากให้แห้งมาด
กลิ้งบดทับให้แน่นพร้อมปั่นน้ำทะเลเข้าด้วยกังหันที่เห็นๆตามนานั่นเอง
กักน้ำต้องคอยดูแลตักขี้แดดออกให้สะอาด พอเกลือตกผลึกเป็นเกล็ดหรือที่เรียกว่าดอกเกลือ
ตักพักใส่เข่งพักไว้ที่คันนา และดอกเกลือมีคุณสมบัติคือเป็น...เกลือจืด
หลังจากเป็นดอกเกลือน้ำในนาก็จะลดและตกผลึกมากขึ้นตามลำดับ
เราก็ต้องปาดคาดเก็บเกี่ยวตะล่อมรวมให้เป็นกองๆหลังจากนั้นลากกลิ้งบกทับให้พื้นนามันแน่นๆ
แล้วปล่อยน้ำจากทะเลมหาสมุทรไหลเข้านาอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันต้องแทงขาซ้ำก่อนปล่อยน้ำเข้า การทำนาเกลือจำเป็นต้องใช้แรงงานมาก
และต้องทำหลายๆไร่พอจะคุ้มกับการลงทุน ถ้าจะมานั่งทำแค่สองคนตายาย 1-2 ไร่ ถึงจะกินก้อนเกลือแทนข้าว ก็ยังไม่พอกิน
เพราะเกลือถังไม่กี่บาท ดอกเกลือถังละ 25 บาท มันก็มีไม่มาก
ตัวเกลือชั้นล่างถังละ 7-8 บาท
และข้อควรระวังถ้าน้ำทะเลในมหาสมุทรขึ้นมากไหลเข้านามากเกินความจำเป็น
ก็จะทำให้ได้เกลือน้อยหรือก็ละลายไม่เป็นเกลือ
กลับเป็นน้ำไหลผ่านป่าโกงกางออกกลับไปสู่...มหาสมุทรไปในที่สุด
บทที่3
วิธีดำเนินการทดลอง
กลุ่มของข้าพเจ้าได้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์
เรื่อง น้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่โดยมีวัสดุอุปกรณ์ดังนี้
วัสดุ
1. หัวเชื้อแชมพูออยล์(N70) 800 มิลลิลิตร
2. เกลือ 3 ช้อนชา
3. กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่
1 ขวด
4. น้ำขี้เถ้า 2
ลิตร
อุปกรณ์
1. ถัง 1 ใบ
2. บีกเกอร์ขนาด
600มิลลิลิตรและขนาด 250 มิลลิลิตร
3. ไม้คน,ไม้พาย
3.1
กลุ่มผู้จัดทำโครงงานได้ดำเนินการจัดทำโครงงานการทดลองดังนี้
3.1.1 ปฏิทินการปฏิบัติงาน
3.1.2 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
3.1.3 ขั้นตอนการจัดทำโครงงาน
3.2 ตารางปฏิทินการปฏิบัติงาน
ลำดับที่
|
รายการ
|
ระยะเวลา
|
ผู้รับผิดชอบ
|
1
|
ศึกษาวิธีจัดทำโครงงาน
|
ผู้จัดทำ
|
|
2
|
ประชุมปรึกษาหารือ
|
ผู้จัดทำ
|
|
3
|
คิดหัวข้อโครงงาน
|
ผู้จัดทำ
|
|
4
|
ศึกษารวบรวมข้อมูล
|
ผู้จัดทำ
|
|
5
|
แบ่งงานในหน้าที่
|
ผู้จัดทำ
|
|
6
|
จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์
|
ผู้จัดทำ
|
|
7
|
ลงมือทำโครงงาน
|
ผู้จัดทำ
|
|
8
|
เรียบเรียงจัดทำรูปเล่มรายงาน
|
ผู้จัดทำ
|
|
9
|
จัดทำผังโครงงาน
|
ผู้จัดทำ
|
|
10
|
นำเสนอครูที่ปรึกษา
|
ผู้จัดทำ
|
3.3 วิธีดำเนินการ
3.3.1 ศึกษาสภาพปัญหา
3.3.2 ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่กำหนด
3.3.3 วางแผนจัดเตรียมอุปกรณ์
3.3.4 ลงมือทำโครงงาน
3.4 อุปกรณ์และวิธีการดำเนินการ
วิธีดำเนินงาน
3.4.1 วัสดุ
1.หัวเชื้อแชมพูออยล์(N70) 800 มิลลิลิตร
2.เกลือ 3 ช้อนชา
3.กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่
1 ขวด
4. น้ำขี้เถ้า 2
ลิตร
3.4.2 อุปกรณ์
1. ถัง 1 ใบ
2. บีกเกอร์ขนาด
600มิลลิลิตรและขนาด 250 มิลลิลิตร
3. ไม้คน
3.5 ขั้นตอนในการดำเนินงาน
3.5.1 ขั้นตอนเตรียมอุปกรณ์หรือสารเคมีโดยจัดทำดังนี้
- หัวเชื้อน้ำยาล้างจาน N70 \
- กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่
3.5.2 ขั้นตอนการทดลอง
3.5.2.1 เติมหัวเชื้อแชมพูออยล์
(N70) ลงในถัง
3.5.2.2 ใส่เกลือ 3
ช้อนลงไปในถังแล้วคนไปในทางเดียวกัน
3.5.2.3 เทน้ำขี้เถ้าลงไปในบีกเกอร์ปริมาณ
2 ลิตร
3.5.2.4 ใส่กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ปริมาณ
1 ขวด ลงในบีกเกอร์
3.5.2.5 เทน้ำขี้เถ้าปริมาณ
2 ลิตร และกลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ปริมาณ 1 ขวด ลงในถังคนไปในทางเดียวกันแล้วทิ้งไว้
1 คืน
3.5.2.6 จากนั้นนำไปใช้ล้างจานและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ
3.5.3 ขั้นตอนการสังเกตผล
บทที่4
ผลการทดลอง
กลุ่มของข้าพเจ้าได้จัดทำโครงงานการทดลองโดย
1.เติมหัวเชื้อแชมพูออยล์
(N70) ลงในถัง
2.ใส่เกลือ 3 ช้อนลงไปในถังแล้วคนไปในทางเดียวกัน
3.เทน้ำขี้เถ้าลงไปในบีกเกอร์ปริมาณ
2 ลิตร
4.ใส่กลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ปริมาณ
1 ขวด ลงในบีกเกอร์
5.เทน้ำขี้เถ้าปริมาณ 2
ลิตร และกลิ่นสังเคราะห์สตรอเบอร์รี่ปริมาณ 1 ขวด
ลงในถังคนไปในทางเดียวกันแล้วทิ้งไว้ 1 คืน
6.จากนั้นนำไปใช้ล้างจานและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ
จากผลการทดลองพบว่าน้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่สามารถใช้ในการล้างคราบสิ่งสกปรกออกจากภาชนะเครื่องครัวได้ดี
มีฟองเกิดขึ้น เหมือนน้ำยาล้างจานอื่นๆ
บทที่5
สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง
5.1 อภิปรายผลการทดลอง
จากผลการทดลองเมื่อได้ทำน้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่พบว่าสามารถใช้ในการล้างคราบสิ่งสกปรกออกจากภาชนะเครื่องครัวได้
5.2 สรุปผลการทดลอง
ผลปรากฏว่า
5.3
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.) น้ำยาล้างจานสามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้า
2) ได้รับความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการทำน้ำยาล้างจานกลิ่นสตรอเบอร์รี่
3)ได้รับความรู้เกี่ยวกับการนำน้ำยาล้างจานไปใช้ในชีวิตประจำวัน
5.4 ข้อเสนอแนะ
1) ให้ปรับปรุงกลิ่น
และสี ของน้ำยาล้างจานให้มีหลากหลายและแปลกใหม่ให้มากขึ้น เช่น กลิ่นช็อกโกแลต
กลิ่นดอกมะลิ กลิ่นแอปเปิ้ลกลิ่นกุหลาบ กลิ่นวนิลา สีของเยลลี่สีต่างๆ เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง